วันเสาร์ที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2560

หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 ความเป็นพลเมืองดีในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 ความเป็นพลเมืองดีในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

หน่วยการเรียนรู้ที่ 3
ความเป็นพลเมืองดีในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
1x42.gif
        เยาวชนไทยในฐานะพลเมืองของชาติ จะต้องตระหนักในบทบาทหน้าที่ของความเป็นพลเมืองดี และประพฤติปฎิบัติตนเป็นคนดี มีคุณธรรม ยึดมั่นในการปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และบำเพ็ญตนเพื่อประโยชน์ส่วนรวม เพื่อร่วมกันสร้างสรรค์สังคมไทยให้เจริญก้าวหน้า และเพื่ออยู่ร่วมกันอย่างสุขสงบ

เรื่องที่ 4 พระบรมราโชวาทและหลักการทรงงาน

เรื่องที่ 4 พระบรมราโชวาทและหลักการทรงงาน

นการทรงงานพระองค์จะทรงเริ่มต้นจากสิ่งที่จำเป็นของประชาชนที่สุดก่อน ได้แก่ สาธารณสุข เมื่อมีร่างกายสมบูรณ์แข็งแรงแล้วก็จะสามารถทำประโยชน์ด้านอื่นๆ ต่อไปได้จากนั้นจะเป็นเรื่องสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานและสิ่งจำเป็นในการประกอบอาชีพ อาทิ ถนน แหล่งน้ำ เพื่อการเกษตร การอุปโภคบริโภค ที่เอื้อประโยชน์ต่อประชาชนโดยไม่ทำลายทรัพยากรธรรมชาติ รวมถึงการให้ความรู้ทางวิชาการและเทคโนโลยีที่เรียบง่าย เน้นการปรับใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่นที่ราษฎรสามารถนำไปปฏิบัติได้และเกิดประโยชน์สูงสุด ดังพระบรมราโชวาท เมื่อวันที่ ๑๘ กรกฏาคม ๒๕๑๗ ความตอนหนึ่งว่า
"...การพัฒนาประเทศจำเป็นต้องทำตามลำดับขั้น ต้องสร้างพื้นฐานคือความพอมีพอกิน พอใช้ของประชาชนส่วนใหญ่เป็นเบื้องต้นก่อน ใช้วิธีการและอุปกรณ์ที่ประหยัดแต่ถูกต้องตามหลักวิชาการ เมื่อได้พื้นฐานที่มั่นคงพร้อมพอสมควรและปฏิบัติได้แล้ว จึงค่อยสร้างค่อยเสริมความเจริญและฐานะเศรษฐกิจขั้นที่สูงขึ้นโดยลำดับต่อไป หากมุ่งแต่จะทุ่มสร้างความเจริญยกเศรษฐกิจให้รวดเร็วแต่ประการเดียว โดยไม่ให้แผนปฏิบัติการสัมพันธ์กับสภาวะของประเทศและของประชาชน โดยสอดคล้องด้วย ก็จะเกิดความไม่สมดุลในเรื่องต่างๆขึ้น ซึ่งอาจกลายเป็นความยุ่งยากล้มเหลวได้ในที่สุด ดังเห็นได้ที่อารยประเทศกำลังประสบปัญหาทางเศรษฐกิจอย่างรุนแรงในเวลานี้ การช่วยเหลือสนับสนุนประชาชน ในการประกอบอาชีพและตั้งต้วให้มีความพอกิน พอใช้ก่อนอื่นเป็นพื้นฐานนั้น เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งยวด เพราะผู้ที่มีอาชีพแลฐานะเพียงพอที่จะพึ่งตนเอง ย่อมสามารถสร้างความเจริญก้าวหน้าระดับที่สูงได้ต่อไปโดยแน่นอน ส่วนการถือหลักที่จะส่งเสริมความเจริญให้ค่อยเป็นไปตามลำดับ ด้วยความรอบคอบระมัดระวังและประหยัดนั้น ก็เพื่อป้องกันความผิดพลาดล้มเหลวและเพื่อให้บรรลุผลสำเร็จได้แน่นอนบริบูรณ์..."

เรื่องที่ 3 การเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์

เรื่องที่ 3 การเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์

     สถาบัน พระมหากษัตริย์เป็นศูนย์รวมทางจิตใจ และเป็นสถาบันหลักของชาติ ด้วยพระมหากรุณาธิคุณนานัปการที่ทรงปฏิบัติ มีผลให้ประเทศไทยเป็นปึกแผ่น รุ่งเรือง สงบร่มเย็นเป็นเอกราชมาจนถึงปัจจุบัน ดังนั้น คนไทยทุกคนจึงควรสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ มีความจงรักภักดี และเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ให้ดำรงอยู่คู่ชาติไทยตลอดไป 
เสริมสร้างคำนิยมไทย
การแสดงออกถึงความรักและความเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งเป็นเสาหลักของชาติ สามารถปฏิบัติได้อย่างไร เพื่อให้สอดคล้องกับค่านิยม 12 ประการ
บทบาทสำคัญของสถาบันพระมหากษัตริย์ไทย
1. การดำรงรักษาเอกราชของชาติ
2. การเป็นศูนย์รวมของความสามัคคีของคนในชาติ
3. การสร้างสรรค์และดำรงรักษาวัฒนธรรมไทย
4. การทำนุบำรุงศาสนา
1. คุณค่าและความสำคัญของการเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์
    พระมหากษัตริย์ของไทยแต่ละพระองค์ทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจต่างๆ เพื่อส่งเสริมพัฒนา และแก้ไขปัญหาของชาติต่าง ให้ประชาชนอยู่รวมกันอย่างสงบสุขสืบต่อกันมา 
 คุณค่าและความสำคัญของการเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ มีดังนี้
   1. เป็นศูนย์รวมจิตใจของตนในชาติ
   2. เป็นแบบอย่างในการดำเนินชีวิต
   3. เป็นเอกลักษณ์ที่สำคัญของประเทศไทย
    สถาบันพระมหากษัตริย์อยู่คู่กับสังคมไทยมาช้านาน พระมหากษัตริย์แต่ละพระองค์ทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจอันเป็นประโยชน์ต่อปวงชนชาวไทยนานัปการ คนไทยทุกคนจึงควรสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณและเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ให้คงอยู่คู่สังคมไทยสืบไป
2. การปฏิบัติตนเป็นแบบอย่างที่ดีในการเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์
     สถาบันพระมหากษัตริย์เป็นสถาบันสำคัญในการจรรโลงสังคมไทยให้ดำรงอยู่อย่างมั่นคงเช่นเดียวกับสถาบันชาติและสถาบันศาสนา ดังนั้น นักเรียนจึงควรปฏิบัติตนเป็นแบบอย่างที่ดีในการเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ ดังนี้
1. เคารพเทิดทูนในฐานะทรงเป็นประมุขของชาติ
2. เคารพในสัญลักษณ์ของพระมหากษัตริย์ เช่น ยืนตรงเมื่อได้ยินเพลงสรรเสริญพระบารมี จัดวาสงพระบรมฉายาลักษณ์ไว้ในที่สูงอย่างเหมาะสม เป็นต้น
3. ศึกษาพระราชกรณียกิจของพระมหากษัตริย์ทุกพระองค์และสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ
4. ปฏิบัติตามคำสอนที่ปรากฏในพระบรมราโชวาทในวโรกาสต่างๆ
5. เผยแพร่และนำโครงงการตามแนวพระราชดำริต่างๆ ไปปฏิบัติให้บังเกิดประโยชน์ต่อตนเองและผู้อื่น

เรื่องที่ 2 การยึดมั่นในศาสนา

เรื่องที่ 2 การยึดมั่นในศาสนา

                 ประพฤติปฏิบัติตน กระทำในสิ่งที่ถูกต้อง เหมาะสม ชอบด้วยกฎหมาย  โดยการไม่กระทำในสิ่งที่ผิดกฎหมาย ไม่ผิดศีลธรรม  ประเพณีและวัฒนธรรมอันดีงามของท้องถิ่น  ช่วยรักษาและทะนุบำรุงพุทธศาสนาประเพณีและวัฒนธรรม ตามสมควร  ให้ความสำคัญในการดูแล อบรมสั่งสอนนักเรียนในการประพฤติปฏิบัติตนเป็นคนดี      ไม่ยุ่งเกี่ยวกับสิ่งเสพติด  การกระทำผิดกฎหมาย สามารถอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข  ร่วมรณรงค์    
ส่งเสริมให้และความรู้ ในกิจกรรมรณรงค์วันต่อต้านยาเสพติด  กิจกรรมอนุรักษ์พลังงานที่โรงเรียน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัด 


การยึดมั่นในคุณธรรม  จริยธรรม  มีความศรัทธาและปฏิบัติตนตามหลักศาสนา
                    ประพฤติปฏิบัติตนอยู่ในหลักของพุทธศาสนา  หลีกเลี่ยงอบายมุขทุกชนิด  ปฏิบัติตนเป็นแบบอย่างที่ดีต่อเพื่อนร่วมงานและนักเรียน  รวมทั้งการเข้าร่วมกิจกรรมวันสำคัญทางพุทธศาสนา        
การทำบุญตักบาตร ปฏิบัติอย่างต่อเนื่องเป็นนิสัย  แนะนำตักเตือนผู้ร่วมงาน  และนักเรียนให้หลีกเลี่ยงอบายมุขทุกชนิด  ปฏิบัติตนอย่างมีคุณธรรม จริยธรรมต่อเพื่อนร่วมงานและนักเรียนเสมอ
(เอกสารอ้างอิง 1.  คำสั่ง 2.  ภาพถ่ายที่เกี่ยวข้อง 3.  เกียรติบัตร 4.  หนังสือรับรอง)
                         2.3  การยึดมั่นในหลักนิติธรรม ยืนหยัด การกระทำในสิ่งที่ถูกต้อง เป็นธรรม และชอบด้วยกฎหมาย
                   ประพฤติปฏิบัติตน กระทำในสิ่งที่ถูกต้อง เหมาะสม ชอบด้วยกฎหมาย โดยการไม่กระทำในสิ่งที่ผิดกฎหมาย ไม่ผิดศีลธรรม  ประเพณีและวัฒนธรรมอันดีงามของท้องถิ่น  ช่วยรักษาและทะนุบำรุงพุทธศาสนาประเพณีและวัฒนธรรม ตามสมควร ให้ความสำคัญในการดูแล อบรมสั่งสอนนักเรียนในการประพฤติปฏิบัติตนเป็นคนดี  ไม่ยุ่งเกี่ยวกับสิ่งเสพติด  การกระทำผิดกฎหมาย สามารถอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข ร่วมรณรงค์ ส่งเสริมให้และความรู้ ในกิจกรรมรณรงค์วันต่อต้านยาเสพติด  กิจกรรมอนุรักษ์พลังงานที่โรงเรียน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัด 
(เอกสารอ้างอิง 1. คำสั่ง  2.เกียรติบัตร)
                          2.4 การยึดมั่นในการปกครองระบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข  และวางตัวเป็นกลางทางการเมือง
                        ข้าพเจ้าได้ประพฤติปฏิบัติตน ในการใช้สิทธิและหน้าที่ตามระบอบประชาธิปไตย    
โดยการไปใช้สิทธิในการเลือกตั้งต่างๆ ที่เรามีสิทธิในการเลือกตั้ง ทุกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นการเลือกตั้ง สมาชิกผู้แทนราษฎร สมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบล การเลือกตั้งครู หรือตัวแทนครูในการเข้าไปทำหน้าที่    หรือหน่วยงานต่างๆ รวมทั้งการมีส่วนร่วมในการส่งเสริม  สนับสนุนกิจกรรมที่เกี่ยวข้องเช่น ให้ความร่วมมือกับทาง คณะกรรมการสำนักงานเลือกตั้ง โดยได้ปฏิบัติงานในตำแหน่งผู้อำนวยการประจำหน่วยเลือกตั้งถึง 5 ครั้ง และเป็นกรรมการนับคะแนน 3 จนกระทั่งคณะกรรมการสำนักงานเลือกตั้งได้มอบเกียรติบัตรในระดับโรงเรียนได้ให้ความร่วมมือในการเลือกตั้งสภานักเรียน หรือแม้แต่การเลือกหัวหน้าห้องเรียนในที่ปรึกษา  โดยวางตัวเป็นกลาง และยึดถือระบอบระชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข    
(เอกสารอ้างอิง  1คำสั่ง  2ภาพถ่ายที่เกี่ยวข้อง  3. โครงการรณรงค์เลือกตั้ง  4.เกียรติบัตร)
                         2.5 การมีส่วนร่วมอนุรักษ์วัฒนธรรมไทย  และสิ่งแวดล้อม
                        มี ส่วนร่วมในกิจกรรมของโรงเรียนและชุมชนในการการอนุรักษ์วัฒนธรรมไทย และสิ่ง แวดล้อม โดยการเข้าร่วมกิจกรรมแห่เทียนพรรษาประจำปีของชุมชน  กิจกรรมวันลอยกระทง  กิจกรรมวันพ่อ วันแม่แห่งชาติ และกิจกรรมอนุรักษ์พลังงาน  ที่โรงเรียน  องค์การบริหารส่วนตำบลและชุมชนร่วมกันจัด  เพื่อเป็นการส่งเสริมและช่วยกันรักษาประเพณี วัฒนธรรมอันดีงามร่วมทั้งปลูกจิตสำนึกที่ดีกับนักเรียนในการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมในชุมชนและท้องถิ่น  และยังร่วมขับเคลื่อนโครงการเสริมสร้างการเรียนรู้ด้วยกระบวนการทางประวัติศาสตร์ และวัฒธรรมท้องถิ่น
(เอกสารอ้างอิง  1. คำสั่ง  2. ภาพถ่ายงานประเพณี  บุญเดือนหก,งานวันออกพรรษา,งานวันลอยกระทง,งานแข่งขันวัดแววอัจฉริยะ,งานประเพณีชุมชนต่างๆ)

หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 รักชาติ ยึดมั่นในศาสนา และเทิดทูนสถาบัน พระมหากษัตริย์ · เรื่องที่ 1 ความรักชาติ

                                       เรื่องที่ 1 ความรักชาติ

ชาติไทย  มีประวัติศาสตร์ความเป็นมาที่ยาวนาน ผ่านเหตุการต่างๆ มากมายหลายยุคสมัย คนไทยอยู่บนแผ่นดินไทยได้อย่างร่มเย็นเป็นสุขจนถึงทุกวันนี้ เพราะเรามีบรรพบุรุษที่เสียสละเลือดเนื้อเพื่อปกป้องความเป็นเอกราชของชาติไว้เราคนไทยจึงควรตระหนัก ปกป้องรักษาสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ซึ่งจะนำไปสู่ความป็นชาติที่เจริญและมีความสงบสุข
๑ คุณค่า ความสำคัญของความรักชาติ
ประเทศชาติจะมีความเจริญก้าวหน้า และเป็นปึกแผ่นได้นั้น สิ่งสำคัญอยู่ที่คนในชาติจะต้องรักและหวงแหนในชาติ มีความปรารถนาดีต่อชาติ ไม่คิดร้ายหรือมุ่งทำลายชาติ คนไทยควรยึดถือปฏิบัติ ความรักชาติจะเกิดขึ้น จิตใจของคนไทยทุกคน และนำไปสู่การประพฤติปฏิบัติที่แสดงถึงความรักชาติอย่างแท้จริง
คุณค่า ความสำคัญของความรักชาติ
- ประเทศมีความเป็นปึกแผ่น
- ประเทศมีความเจริญก้าวหน้าอย่างยั่งยืน
- คนในชาติมีความรัก ความสามัคคี
- ประเทศมีความสงบสุข ร่มเย็น และปลอดภัย
- ปัญหาสังคมเกิดขึ้นน้อย
- เมื่อเกิดเหตุวิกฤติของประเทศ ก็สามารถผ่านพ้นไปได้โดยเร็ว
- คนในประเทศอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข
๒ การปฏิบัติตนเป็นผู้มีความรักชาติ
เคารพต่อสัญลักษณ์ของชาติไทย
- ยืนตรงเคารพธงชาติ  เมื่อเราได้ยินเพลงชาติ เราจะต้องแสดงความเคารพทุกครั้ง
- ร้องเพลงชาติไทยให้ถูกต้อง  ร้องเพลงชาติได้อย่างถูกต้อง เข้าใจในเนื้อหา ซาบซึ้งในความหมาย มีความภาคภูมิใจทุกครั้งเมื่อร้องเพลงชาติไทย
- ประดับธงชาติไทยอย่างเหมาะสม  เราจะต้องประดับธงชาติให้ถูกกับกาลเทศะตามแบบแผนของสังคมที่กำหนดไว้
ปฏิบัติตามหน้าที่ของคนไทย
- พิทักษ์รักษาชาติ  เพื่อให้ประเทศชาติและสถาบันหลักของชาติมีความมั่นคงเข้มแข็งต่อไป
- ป้องกันประเทศ  เฝ้าระวังสอดส่องการกระทำของผู้ที่ไม่หวังดีที่อาจสร้างความเสียหายแก่ชาติ หรือเมื่อเกิดภัยต่างๆ
- ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง  เมื่อมีการเลือกตั้งเกิดขึ้น ชาวไทยผู้มีสิทธิเลือกตั้งต้องไปใช้สิทธิลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง ถือเป็นหน้าที่อย่างหนึ่ง
- ปฏิบัติตามกฎหมาย  คนไทยจะต้องเคารพและปฏิบัติตามกฎหมายของบ้านเมือง เพราะเป็นสิ่งที่ช่วยให้สังคมมีความสงบสุข
๓ การปฏิบัติตนเพื่อแนะนำผู้อื่นให้มีความรักชาติ
๑. แสดงออกถึงความรักชาติ  ปฏิบัติตรที่เป็นการแสดงออกถึงความรักชาติอย่างเปิดเผยและภาคภูมิใจ
๒. บอกเล่าถึงความรักชาติ  อธิบายถึงความสำคัญของการปฏิบัติตนเป็นผู้มีความรักชาติให้ผู้อื่นเข้าใจและเกิดความรู้สึกภาคภูมิใจในความเป็นชาติ
๓. แนะนำวิธีปฏิบัติตนเป็นผู้มีความรักชาติ  บอกแนวทางปฏิบัติตนที่ถูกต้องของการเป็นผู้มีความรักชาติ
๔. ยกย่องชมเชยผู้มีความรักชาติ  ให้การยกย่องชมเชยผู้ที่ปฏิบัติตนมีความรักชาติ
๔ ผลดีที่เกิดจากการปฏิบัติตนเป็นผู้มีความรักชาติ
ผลดีจากการเป็นผู้มีความรักชาติ
- ผลดีต่อตนเอง  ๑. เกิดความสุขทางจิต  ๒. ช่วยให้ตนเองเป็นคนมีคุณค่า  ๓. เกิดความภาคภูมิใจในตนเอง
๔. สามารถดำเนินชีวิตได้อย่างมีความสุข

- ผลดีต่อสังคม  ๑. สังคมมีระเบียบวินัย  ๒. ช่วยลดปัญหาทางสังคม  ๓. สังคมเกิดความสงบสุข

๔. สังคมมีความน่าอยู่
- ผลดีต่อประเทศชาติ  ๑. ประเทศมีความเจริญอย่างยั่งยืน  ๒. ประเทศชาติมีความเข้มแข็ง  ๓. ประเทศมีความน่าเชื่อถือเป็นที่ยอมรับของสากล  ๔. ประเทศชาติพัฒนาได้อย่างรวดเร็ว

วันจันทร์ที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

เรื่องที่ 3 ขนบธรรมเนียม ประเพณี ศิลปวัฒนธรรม และภูมิปัญญาไทย

เรื่องที่ 3 ขนบธรรมเนียม ประเพณี ศิลปวัฒนธรรม และภูมิปัญญาไทย

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ เรื่องที่ 3 ขนบธรรมเนียม ประเพณี ศิลปวัฒนธรรม และภูมิปัญญาไทย

เรื่องที่ 3 ขนบธรรมเนียม ประเพณี ศิลปวัฒนธรรม และภูมิปัญญาไทย
1. ภูมิปัญญาไทย
ภูมิปัญญาไทย หมายถึง องค์ความรู้ ความสามารถและทักษะของคนไทยอันเกิดจากการสั่งสมประสบการณ์ที่ผ่านกระบวนการเรียนรู้ เลือกสรร ปรุงแต่ง พัฒนา และถ่ายทอดสืบต่อกันมา เพื่อใช้แก้ปัญญาและพัฒนาวิถีชีวิตของคนไทยให้สมดุลกับสภาพแวดล้อมและเหมาะสมกับยุคสมัยภูมิปัญญามีความเด่นชัดในหลายด้าน แบ่งออกเป็น 9 ด้าน ได้แก่
1.1  ด้านเกษตรกรรม  ได้แก่  ความสามารถในการผสมผสานองคืความรู้ ทักษะ และเทคนิคด้านการเกษตรกับเทคโนโลยี โดยการพัฒนาบนพื้นฐานคุณค่าดั้งเดิม ซึ่งสามารถพึ่งพาตนเองได้ในสภาวการณ์ต่าง เช่น การทำเกษตรแบบผสมผสาน
1.2  ด้านอุตสาหกรรม  การรู้จักประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ในการแปรรูปปลปลิตเพื่อการบริโภคอย่างปลอดภัย และประหยัด อันเป็นกระบานการให้ชุมชนท้องถิ่นพึ่งพาตนเองทางเศรษฐกิจได้ เช่นการทำเครื่องเรือนจากไม้ การทอผ้า ทอเสื่อ การทำเครื่องจักสาน
1.3  ด้านการแพทย์  ได้แก่ ความสามารถในการจัดการป้องกันและรักษาสุขภาพของคนในชุมชนโดยเน้นให้ชุมชนสามารถพึ่งพาตันเองทางด้านสุขภาพและอนามัยได้ เช่น ยาจากสมุนไพรทีอยู่หลากหลาย อาทิ การใช้ใบกระเพราแก้ขับลม ท้องอืด ท้องเฟ้อ การนวดแผนโบราณและการประคบที่ใช้สมุนไพรประกอบการนวด การดูแลและรักษาสุขภาพแบบพื้นบ้าน
 
การอนุรักษ์วัฒนธรรมไทย

1.  ศึกษา  ค้นคว้า  และการวิจัยวัฒนธรรมไทยและวัฒนธรรมท้องถิ่น ทั้งที่มีการรวบรวมไว้แล้วและยังไม่ได้ศึกษา  เพื่อทราบความหมาย และความสำคัญของวัฒนธรรมในฐานะที่เป็นมรดกของไทยอย่างถ่องแท้   ซึ่งความรู้ดังกล่าวถือเป็นรากฐานของการดำเนินชีวิต  เพื่อให้เห็นคุณค่า  ทำให้เกิดการยอมรับ  และนำไปใช้ประโยชน์อย่างเหมาะสม ต่อไป
2.  ส่งเสริมให้ทุกคนเห็นคุณค่า  ร่วมกันรักษาเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมของชาติและของท้องถิ่น เพื่อสร้างความเข้าใจและมั่นใจแก่ประชาชนในการปรับเปลี่ยนและตอบสนองกระแสวัฒนธรรมอื่นๆ อย่างเหมาะสม
    3. รณรงค์ให้ประชาชนและภาคเอกชน ตระหนักในความสำคัญ ของวัฒนธรรม ว่าเป็นเรื่องที่ทุกคนต้องให้การรับผิดชอบร่วมกันในการส่งเสริมสนับสนุน  ประสานงานการบริการความรู้  วิชาการ และทุนทรัพย์สำหรับจัดกิจกรรมทางวัฒนธรรม
 4.  ส่งเสริมและแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมภายในประเทศและระหว่างประเทศ โดยการใช้ศิลปะวัฒนธรรมที่เป็นสื่อสร้างความสัมพันธ์ระหว่างกัน
5. สร้างทัศนคติ  ความรู้  และความเข้าใจว่าทุกคนมีหน้าที่เสริมสร้าง  ฟื้นฟู  และการดูแลรักษา สภาพแวดล้อมทางธรรมชาติและทางวัฒนธรรมที่เป็นสมบัติของชาติ   และมีผลโดยตรงของความเป็นอยู่ของทุกคน
6.  จัดทำระบบเครื่อข่ายสารสนเทศทางด้านวัฒนธรรมเพื่อเป็นศูนย์กลางเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ผลงาน เพื่อให้ประชาชนเข้าใจ  สามารถเลือกสรร  ตัดสินใจ  และปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมกับการดำเนินชีวิตทั้งนี้สื่อมวลชนควรมีบทบาทในการส่งเสริม และสนับสนุนงานด้านวัฒนธรรมมากยิ่งขึ้นด้วย

 การอนุรักษ์ภูมิปัญญาไทย
   
1. การค้นคว้าวิจัย ควรศึกษาและเก็บรวบรวมข้อมูลภูมิปัญญาของไทยในด้านต่างๆ ของท้องถิ่น จังหวัด ภูมิภาค และประเทศโดยเฉพาะอย่างยิ่งภูมิปัญญาที่เป็นภูมิปัญญาของท้องถิ่น มุ่งศึกษาให้รู้ความเป็นมาในอดีต และสภาพการณ์ในปัจจุบัน
2. การอนุรักษ์ โดยการปลุกจิตสำนึกให้คนในท้องถิ่นตระหนักถึงคุณค่าแก่นสาระและความสำคัญของภูมิปัญญาท้องถิ่น ส่งเสริมสนับสนุนการจัดกิจกรรมตามประเพณีและวัฒนธรรมต่างๆ สร้างจิตสำนึกของความเป็นคนท้องถิ่นนั้นๆ ที่จะต้องร่วมกันอนุรักษ์ภูมิปัญญาที่เป็นเอกลักษณ์ของท้องถิ่น รวมทั้งสนับสนุนให้มีพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นหรือพิพิธภัณฑ์ชุมชนขึ้น เพื่อแสดงสภาพชีวิตและความเป็นมาของชุมชน อันจะสร้างความรู้และความภูมิใจในชุมชนท้องถิ่นด้วย
 3. การฟื้นฟู โดยการเลือกสรรภูมิปัญญาที่กำลังสูญหาย หรือที่สูญหายไปแล้วมาทำให้มีคุณค่าและมีความสำคัญต่อการดำเนินชีวิตในท้องถิ่น โดยเฉพาะพื้นฐานทางจริยธรรม คุณธรรม และค่านิยม
 4. การพัฒนา ควรริเริ่มสร้างสรรค์และปรับปรุงภูมิปัญญาให้เหมาะสมกับยุคสมัยและเกิดประโยชน์ในการดำเนินชีวิตประจำวัน โดยใช้ภูมิปัญญาเป็นพื้นฐานในการรวมกลุ่มการพัฒนาอาชีพควรนำความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีมาช่วยเพื่อต่อยอดใช้ในการผลิต การตลาด และการบริหาร ตลอดจนการป้องกันและอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม
 5. การถ่ายทอด โดยการนำภูมิปัญญาที่ผ่านมาเลือกสรรกลั่นกรองด้วยเหตุและผลอย่างรอบคอบและรอบด้าน แล้วไปถ่ายทอดให้คนในสังคมได้รับรู้ เกิดความเข้าใจ ตระหนักในคุณค่า คุณประโยชน์และปฎิบัติได้อย่างเหมาะสม โดยผ่านสถาบันครอบครัว สถาบันการศึกษา และการจัดกิจกรรมทางวัฒนธรรมต่างๆ
ขนบธรรมเนียมประเพณีไทย เป็นคำที่ใช้เรียกรวมกัน หมายถึง สิ่งที่คนในสังคมยึดถือปฎิบัติสืบต่อๆกันมานาน มีคุณค่าทางชีวิต มักแฝงไปด้วยศีลธรรมจรรยา ความคิด ความเชื่อ เช่น การทีมารยาทไทย การปฎิบัติตนอย่างถูกกาลเทศะ รวมถึงการมีประเพณี ต่างๆซึ่งเป็นเอกลักษณ์ที่สำคัญของชาติไทย  ขนบธรรมเนียมแบ่งออกเป็น 6 ประเภท ได้แก่                                                  
     1.  ขนบธรรมเนียมประเพณีส่วนบุคคลหรือประเพณีครอบครัว   เป็นเรื่องเกี่ยวกับครอบครัวโดยเฉพาะ เช่น ประเพณีการเกิด   ประเพณีเกี่ยวกับการศึกษา ประเพณีการบวช ประเพณีการแต่งงาน ประเพณีการตาย

เรื่องที่2 ความมีน้ำใจเอื้อเฟื้อเผื่อเเผ่

  • ความมีน้ำใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่


    • ความมีน้ำใจ เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ช่วยเหลือเกื้อกูลด้วยวัตถุสิ่งของโดยไม่หวังผลตอบแทน เช่น การช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติต่างๆ การสร้างถนนหนทาง สร้างสะพาน สร้างโรงพยาบาล สร้างโรงเรียน สร้างสิ่งที่เป็นสาธารณประโยชน์ เป็นต้น เพื่อให้คนหมู่มากใช้สอยร่วมกัน
    • ความมีน้ำใจยอมรับความคิดเห็นของผู้อื่น การแนะนำในสิ่งที่เป็นประโยชน์โดยไม่หวงแหน แนะนำหลักการดำเนินชีวิต โดยอาศัยหลักธรรมและประสบการณ์ ด้วยความบริสุทธิ์ใจ การเสียสละสุขและผลประโยชน์ส่วนตน เพื่อสุขและประโยชน์ส่วนรวม การเสียสละสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์เล็กน้อย เพื่อประโยชน์ที่มาก กว่า เป็นการสละกิเลสออกจากใจ
    • ระลึกถึงการเสียสละที่ผ่านมา เป็นอารมณ์แห่งกรรมฐาน เมื่อได้ปฏิบัติธรรม จะอุดหนุนใจให้เบิกบาน เกิดปีติเอิบอิ่ม ต่อจากนั้นจะเกิดความสงบกายสงบใจ มีใจตั้งมั่นแน่วแน่ ทำให้ประกอบหน้าที่การงานได้ผลดี
    • เมื่อระลึกถึงการเสียสละของตนอยู่เป็นนิตย์ว่า เป็นลาภของเราแท้ เราได้ปฏิบัติดีแล้ว คนอื่นถูกความตระหนี่รุมเร้าเผาใจอยู่ แต่เรามิได้เป็นเช่นเขา มีใจปราศจากความตระหนี่ มีอัธยาศัยยินดีในการเสียสละ ใครต้องการขอ เราพอใจในการให้และการแบ่งปันกัน เมื่อระลึกอยู่อย่างนี้ จิตจะไม่ถูกราคะ โทสะ และโมหะรุกรานรังแก
    • ความมีน้ำใจมีอานิสงส์กำจัดความตระหนี่หวงแหน ความคิดกีดกันไม่ให้ผู้อื่นได้ดี เมื่อกำจัดความตระหนี่ได้อย่างนี้ ย่อมมีผลทำให้ตัวเราเอง มีจิตใจปลอดโปร่ง ไม่เคียดแค้น
    • ความมีน้ำใจ การเสียสละ เป็นบารมีธรรมของผู้มีอัธยาศัยเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ด้วยบารมีธรรมนี้ เป็นหลักที่ทำให้บุคคลมุ่งมั่นในการทำความดี แม้จะประสบปัญหาอุปสรรคมากมาย จะไม่หวั่นไหว มีจิตใจเสียสละ เอื้อเฟื้อด้วยวัตถุสิ่งของและสละความไม่พอใจกัน ความขัดเคืองใจต่อกันออกไปจากจิตใจ จึงทำให้การดำเนินชีวิตเป็นไปอย่างสงบสุข
    • โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้นำทุกระดับชั้น ต้องการเป็นผู้นำมากกว่าผู้นำโดยทั่วไป แต่การจะเป็นผู้นำในหน้าที่การงาน และครองใจผู้ตามได้นั้น ไม่ใช่เรื่องง่าย นอกจากคุณสมบัติเฉพาะตัวคือมีความรู้ มีความสามารถเป็นที่ยอมรับแล้ว ความมีน้ำใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ความเสียสละที่ประกอบด้วยเหตุผลสมบูรณ์ ไม่ใช่การเสียสละให้โดยปราศจากเหตุผล นี่เองที่เป็นจุดเด่นสำคัญ ที่ทำให้ผู้นำทุกระดับชั้น สามารถบริหารจัดการงานและบุคลากรในองค์กรและขับเคลื่อนเพื่อให้เป็นผลสำเร็จตามความปรารถนาที่ตั้งใจไว้
    • คงเคยได้ยินคำชื่นชมผู้นำบางคน ซึ่งมีน้ำใจให้ผู้ตาม หรือผู้ใต้บังคับบัญชา ก่อให้เกิดแรงบันดาลใจให้ทุ่มเททำงานแบบมอบกายถวายชีวิตกันเลยทีเดียว